ศูนย์พักพิงสัตว์ในสหรัฐฯ เจอ แมว ที่ศูนย์หายไป 3 ปี รอดตายปาฏิหารย์ หลังเหตุดินถล่ม ซึ่งหลายฝ่ายนึกว่าแมวตัวนี้ตายไปนานแล้ว เมื่อวันที่ 14 มกราคม สำนักข่าว NBC รายงานว่า ศูนย์พักพิงสัตว์ ในเมืองซานตาบาบารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านทางเฟซบุ๊กว่า พวกเขานำแมวจรจัด เพศเมีย พันธุ์คาลิโก เข้ามาดูแลภายในศูนย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบแมวตัวดังกล่าวก็พบกับเรื่องน่าประหลาดใจขึ้น
โดยเจ้าหน้าที่พบไมโครชิพที่ถูกฝังไว้ในตัวแมว
และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าแมวตัวนี้ชื่อ แพทเชส ซึ่งเป็นแมวที่ศูนย์หายไปตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2560 หลังจากที่เกิดเหตุดินถล่มในพื้นที่ดังกล่าว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 23 ศพ โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตมีเจ้าของเจ้า แพทเชส รวมอยู่ด้วย
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาพบแมวตัวดังกล่าวอยู่ห่างกับบ้านเก่าของมันราวๆ 400 เมตร ขณะนี้ แพทเชส ได้ถูกส่งมอบให้กับสามีของเจ้าของแมวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางศูนย์พักพิงสัตว์ระบุว่าพวกเขาไม่ทราบว่าแมวตัวดังกล่าวใช้ชีวิตอย่างไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาเชื่อว่าแมวมีความสุขที่ได้เจอกับเจ้านายของมันอีกครั้ง
กลุ่มคนใกล้ชิด ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯว่า นาย ทรัมป์ มีอาการเครียด ถึง ชีวิตหลังลงตำแหน่ง เหตุคู่ค้าหลายรายถอนตัว เมื่อวันที่ 14 มกราคม สำนักข่าว ABC รายงานว่า ผู้ใกล้ชิด กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เล่าว่า ผู้นำสหรัฐฯ แสดงอาการโมโหในขณะที่กำลังชม การลงคะแนนเพื่อผ่านญัตติให้ดำเนินการ ‘การไต่สวนความผิดเพื่อถอดถอนจากตำแหน่ง หรือ “อิมพีชเมนต์”
โดยผลการลงเสียงจบลงที่เห็นชอบ 232 ต่อไม่เห็นชอบ 197 ส่งผลให้นาย ทรัมป์ จะอิมพีชเมนต์เป็นรอบที่ 2 และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ผ่านกระบวนการดังกล่าวถึงสองครั้งในการดำรงตำแหน่งประธานาธินดี
นอกจากนี้ผู้ใกล้ชิดยังได้ระบุอีกว่า นาย ทรัมป์ ค่อนข้างกังวล หลังจากที่เขาจะลงจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมที่จะถึงนี้ เนื่องจากคู่ค้าที่เกี่ยวกับกลุ่มของนายทรัมป์ ได้ถอนตัว เช่นเดียวกันกับสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนที่ออกมาประณามการกระทำของเขา อย่างไรก็ตาม นาย ทรัมป์ ยืนยันว่าจะไม่ลงจากตำแหน่งก่อนกำหนด
ทางด้านแฟนฟนุ่ม บอกว่า เธอเองก็พูดถูก และเขาคุยกับเธอได้นานขึ้น แต่ตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรมของทั้งคู่ว่ายังคบกันต่อไป หรือต้องจบความสัมพันธุ์กันลง
แค่นั้นยังไม่พอเพราะจากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่า เลือดของชายคนนี้ยังกลายเป็นนม ชี้ให้เห็นว่า เขาประสบภาวะไขมันในเลือดสูง และ อวัยวะหลายส่วนยังถูกทำลาย ตามมาด้วยโรคต่าง ๆ ได้แก่ เลือดเป็นกรดจากเบาหวาน ไตวายเฉียบพลัน ภาวะโพแทสเซียมสูง ความดันโลหิตสูง กรดยูริกเกิน ไขมันพอกตับ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ส่งผลให้ร่างกายของเขาเหมือนกับชายชราในวัย 60 ปี
สภาสหรัฐฯลงมติ ถอดถอน ทรัมป์ รอบ 2
สภาสหรัฐฯ ลงมติให้ทำการไต่สวน ถอดถอน ทรัมป์ รอบ 2 หลังจากที่นาย ทรัมป์ พูดจาปลุกปั่นผู้สนับสนุนจนนำไปสู่เหตุความรุนแรง เมื่อวันที่ 14 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 197 ผ่านญัตติให้ดำเนินการ ‘การไต่สวนความผิดเพื่อถอดถอนจากตำแหน่ง หรือ “อิมพีชเมนต์” นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในข้อหาปลุกปั่นยุยง ผู้สนับสนุน จนเกิดเป็นเหตุบุกสภาและมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ศพ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนาย ทรัมป์ ถือเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯที่ถูก อิมพีชเมนต์ สองรอบ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดว่าการไต่สวนจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไรก็ดีหลายฝ่ายคาดว่าการถอดถอน นาย ทรัมป์ ก่อนกำหนดถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจาก นายทรัมป์ จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ที่จะถึงนี้ โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าไม่น่าจะมีเวลาเพียงพอ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นาย ทรัมป์ ได้เผยแพร่วิดีโอที่บอกกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บุกสภาว่า “พวกเรารักคุณ” และ “คุณเป็นคนวิเศษ” ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการพูดจาปลุกปั่น ส่งผลให้เหตุความรุนแรงบานปลายในที่สุด
ล่าสุดผู้นำสหรัฐฯได้โพสต์วิดีโอประณามเหตุความรุนแรงครั้งนี้ พร้อมกล่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุความรุนแรงไม่ใช่ ผู้สนับสนุนเขาที่แท้จริง ทั้งนี้ในวิดีโอไม่ได้มีการพูดถึงการ อิมพีชเมนต์ แต่อย่างใด โดยวิดีโอนี้ถูกโพสต์จากแอคเคาต์ของทำเนียบขาว เนื่องจากนาย ทรัมป์ ถูกแบนจากสื่อสังคมออนไลน์
โดยอาคารที่สูงสุดในโลกหรือ เบิร์จ คาลิฟา ถูกตั้งตามชื่อของพระองค์หลังจากที่ทาง UAE สามารถปลดหนี้นครดูไบได้ทั้งหมด รวมถึงยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้ซื้อสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย
นอกจากนี้แล้วนั้น ทั้ง 2 ประเทศก็ยังได้ทำการเซ็นสนธิสัญญาร่วมกับสหราชอาณาจักร ว่าด้วยการรับรอง และคุ้มครองในระหว่างที่ทั้ง 2 ประเทศกำลังเข้าร่วมองค์การ รวมไปถึงถ้าหากทางสหราชอาณาจักรถูกโจมตีทั้ง 2 ประเทศจะให้การช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป