ป้าบุกทำเนียบ กรีดข้อมือ ร้องขอความเป็นธรรมจาก ‘ประยุทธ์’

ป้าบุกทำเนียบ กรีดข้อมือ ร้องขอความเป็นธรรมจาก ‘ประยุทธ์’

ป้าบุกทำเนียบ ก่อนกรีดข้อมือเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากนายกฯ เล่า ลูกชายเสียชีวิตเพราะบุรุษพยาบาลไม่รับเข้ารักษา หลังถูกทำร้าย นางหงส์ อายุ 69 ปี ชาว จ.สระแก้ว ได้นำมีดปอกผลไม้กรีดข้อมือตัวเองเพื่อร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่บริเวณประตู 1 ทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ

โดย ป้าหงส์เล่าว่า เมื่อปี 2556 ได้เข้ารับการรักษาผ่าตัดหลังด้วยสิทธิบัตรทอง 

แล้วถูกเรียกรับเงินเพื่อซื้อเหล็กดามหลังที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีแต่ไม่หาย ตนจึงขอให้ผ่าตัดนำเหล็กออก แต่แพทย์ที่ทำการผ่าตัดไม่ยอมบอกว่าผ่าตัดก็ไม่หาย

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ ลูกชายของตนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลจิตเวช จ.สระแก้ว สาเหตุเกิดจากบุรุษพยาบาลไม่รับคนไข้เข้ารักษา และเรื่องปัญหาที่ดินทำกินที่ อ.โคกสูง โดยอ้างว่าถูกรุมทำร้ายบนที่ดินที่ถูกโกงทำโฉนดจาก 13 คน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอำเภอโคกสูงรวมอยู่ด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครเข้าข้าง รวมถึงลูกก็ไม่สามารถช่วยได้ เพราะเกรงกลัวอิทธิพล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมขอให้นางหงส์ไปทำแผล และยื่นข้อร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ฝั่ง ก.พ. ทั้งนี้หากย้อนกลับไปในปี 63 นางหงส์ เคยมาปีนต้นไม้ร้องเรียนที่ฝั่ง ก.พ. หน้าทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว

การกระทําของจําเลยที่ 6 ซึ่งมีอํานาจหน้าที่ในการกํากับดูแลโดยทั่วไป ซึ่งการบริหารราชการของสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ จึงไม่เป็นการกระทําโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ระบบราชการ และระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ภาครัฐ จําเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

ทางไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างได้รับการพิจารณา เหตุผลความจําเป็นโดยมีมูลเหตุข้อขัดข้องในทางกฎหมาย แล้วเสนอขึ้นมาตามลําดับบังคับบัญชาจนถึง จําเลยที่ 2 โดยผู้บังคับบัญชาในแต่ละลําดับชั้น รวมทั้งพลตํารวจโทธีรยุทธ กิติวัฒน์ เจ้าหน้าที่พัสดุสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ และพลตํารวจโทพงศพัศ พงษ์เจริญ ต่างพิจารณาให้ความเห็นขอบโดยให้ดําเนินการตามที่

‘ประยุทธ์’ ยิ้มหลัง ตัวเลขส่งออกขยายตัว มุ่งเน้นผลักดัน Soft Power

โฆษกสำนักนายกฯ เผย ประยุทธ์ เป็นปลื้ม หลัง ตัวเลขส่งออกขยายตัว เตรียมมุ่งเน้นผลักดัน Soft Power ใน 4 หมวด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพอใจตัวเลขการส่งออกของประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการนำนโยบายของรัฐบาล ไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยสนับสนุนตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นคือ การส่งเสริมและผลักดัน Soft Power ของรัฐบาล

โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดการส่งออกสินค้าใน 4 หมวดสำคัญ ได้แก่ อาหาร ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงาม และสินค้าอัตลักษณ์ไทย การจัดทำมาตรการเชิงรุกผลักดันการส่งออกผลไม้ การผลักดันการค้าชายแดน ซึ่งมีคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอาเซียน ที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายธนกรฯ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือน มี.ค.2565 มีมูลค่า 28,859.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.5% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 คิดเป็นเงินบาท มีมูลค่า 922,313 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติการส่งออกตั้งแต่ปี 2534 การนำเข้ามีมูลค่า 27,400.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 887,353.2 ล้านบาท เกินดุลการค้า 1,459.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 34,960.1 ล้านบาท

สำหรับตลาดและการลงทุนในประเทศ เดือน มี.ค. 2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 53 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 36 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท

ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมี.ค.2565 พบว่า มีการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 10 ราย คิดเป็น 19% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด ลงทุนที่กรุงเทพฯ 29 ราย คิดเป็น 55% และที่อื่น ๆ 14 ราย คิดเป็น 26% มีเงินลงทุน 6,323 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยประเทศที่ลงทุนสูงสุด จีน 3 ราย ลงทุน 3,189 ล้านบาท ญี่ปุ่น 2 ราย ลงทุน 630 ล้านบาท และสหรัฐฯ 1 ราย ลงทุน 637 ล้านบาท ที่เหลือเป็นประเทศอื่น ๆ

“ถือเป็นสัญญานที่ดีสำหรับประเทศไทยทั้งการส่งออก และการลงทุนภายในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพของประเทศเรา ยืนยันรัฐบาลมุ่งสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก พร้อมมุ่งมั่นช่วยเหลือ สนับสนุนผู้ส่งออก นักลงทุน ให้มีพื้นที่แข่งขันได้ในเวทีโลก โดยตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นายธนกรฯ กล่าว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป